3.พิธีกรรมและความเชื่อที่เกี่ยวกับเรือกอและ
ชาวประมงพื้นบ้านในจังหวัดปัตตานีมีพิธีกรรมและความเชื่อของชาวเรือว่าในการต่อเรือกอและ
ช่างจะหาฤกษ์ดีในการวางไม้ชิ้นแรก โดยมีความเชื่อว่าจะทำให้การต่อเรือกอและลำนั้นๆ
เสร็จเร็ว เป็นที่ถูกใจผู้มาสั่งต่อทันทีที่เห็นเรือ
เรือทุกลำที่ต่อขึ้นจะไม่มีลำใดรั่วหรือใช้ไม่ได้
มีบางลำที่เรือทรงตัวอย่างไม่สมดุล
แต่ผู้ซื้อก็ไม่เคยนำกลับมาให้ช่างต่อเรือแก้ไขซ่อมแซม
ผู้ซื้อจะหาวิธีถ่วงเรือของตนจนสมดุลตามต้องการ
ช่างเรือกอและบางคนถือโชคลางมาก
เมื่อต่อเรือเสร็จเรียบร้อยจะทำพิธีผูกเงื่อน “ละป๊ะ”
โดยการนำใบมะพร้าวมาผูกทำเป็นเงื่อนคล้ายๆ ที่ลูกเสือ
ผูกเชือกแล้วดึงให้หลุดออกจากกัน
เชื่อว่าถ้าถึงเงื่อนหลุดง่ายๆ อุปสรรคในการใช้เรือกอแลจะหมดหรือลดน้อยลง
ปัจจุบันเมื่อมีการนำเครื่องยนต์มาติดท้ายเรือ พิธีผูกเงื่อนละป๊ะก็หมดไป
อาจเป็นเพราะชาวเรือไม่จำเป็นต้องพึ่งลมฟ้าอากาศอย่างแต่ก่อน ใช้เครื่องยนต์ติดท้ายก็สามารถนำเรือออกนอกฝั่งและเข้าฝั่งได้โดยง่ายอยู่แล้ว
ฝ่ายผู้ซื้อนั้นเมื่อเรือกอและที่สั่งต่อเสร็จเรียบร้อยก็จะมารับเรือขึ้นรถบรรทุกไปในสมัยก่อนต้องนำเรือล่องลงน้ำกลับไปยังหมู่บ้านของตน
เมื่อถึงที่หมายก่อนนำเรือไปใช้ประโยชน์หรือประกอบอาชีพ
เขานิยมทำพิธีเซ่นเสากระโดงเรือหรือภาษายาวีเรียก“อากง”
หมายถึง สำคัญ ยิ่งใหญ่ ถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญของเรือ
อยู่กลางลำเรือใช้ติดตั้งใบเรือ
ผู้ที่เป็นนายท้ายเรือจะต้องไปเซ่นไหว้ที่เสากระโดงนี้
และท่องบ่นคาถาทุกครั้งก่อนออกเรือเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวให้เกิดความอบอุ่นใจ
การเซ่นไหว้ครั้งแรกต้องมีเครื่องเซ่นไหว้ คือ ข้าวเหนียวเหลืองหน้าไก่แบบแกงข้น
ข้าวเหนียวเหลืองปลาเค็ม และข้าวตอกเป็นสิ่งสำคัญ ห้ามนำสุราเข้าไปโดยเด็ดขาด
(เคร่งครัดตามหลักศาสนาอิสลาม)
คาถาที่ท่องนั้นกล่าวเป็นภาษายาวีแบบเดียวกับที่ใช้ในการละหมาด
ในการออกเรือแต่ละครั้งอาจมีการนำพวกมาลัยดอกไม้ ผ้าแดง
หรือผ้าขาวมาห้อยหรือผูกไว้ตรงหัวเรือเพื่อความเป็นสิริมงคล
ชาวเรือกอและไม่ห้ามผู้หญิงขึ้นเรือแต่อย่างใด
หากไม่อนุญาตให้ผู้ที่จะลงไปในเรือใส่รองเท้า
ทุกคนเมื่ออยู่ในเรือแล้วจะต้องอยู่ในสภาพเปลือยเท้าเปล่าเสมอ
มีธรรมเนียมที่ถือกันมาของชาวไทยมุสลิมว่า
เมื่อลงเรือแล้วให้เอ่ยชื่อสัตว์ได้เฉพาะสัตว์น้ำเท่านั้น
เพื่อเป็นการให้เกียรติเจ้าถิ่น ห้ามเอ่ยชื่อสัตว์บก อาทิ เสือ สิงห์ กระทิง แรด
เพราะถือว่าเป็นการลบหลู่เจ้าถิ่น ซึ่งธรรมเนียมนี้นับว่าตรงข้ามกันชาวไทยพุทธที่เวลาเข้าป่าแล้วให้เอ่ยชื่อสัตว์น้ำ
หรือลงน้ำก็ให้เอ่ยชื่อสัตว์บกจึงจะดี เพื่อเป็นการบำรุงขวัญ ตัวอย่างเช่น
เมื่อลงเรือแล้วก็จะไม่พร่ำพูดถึงปลาฉลาม
หรือจระเข้ให้ขวัญหนีดีฝ่อเป็นการดีกว่าแน่
ในอดีตที่ชายทะเลอำเภอปะนาเระ
จังหวัดปัตตานีมีประเพณีเกี่ยวกับเรือกอและคือประเพณีฉลองชายหาด
ซึ่งเป็นงานพิธีของชาวประมงพื้นเมือง เรียกว่า “ปูยอ
ปาตา” (ปูยอ แปลว่า บูชา, ปาตา
แปลว่าหาดทราย) เดิมกำหนด 3
ปีทำครั้งหนึ่งเพื่อเป็นการบูชาเทพเจ้าแห่งทะเล
ชาวบ้านจะนำเรือกอและของตนมาจอดเกยชายหาดในบริเวณงานทั้งหมด
และประดับประดาเรือของตนด้วยธงทิวต่างๆ
เพื่อมารับเอาน้ำมนต์อันศักดิสิทธิ์จากหมอผู้ประกอบพิธี
ในงานนี้มีการฆ่าควายเผือกเพื่อนำเนื้อบางส่วนสังเวยเทพเจ้า และส่วนที่เหลือแจกจ่ายแก่ชาวเรือและผู้ที่มาร่วมประกอบพิธี
เชื่อว่าพิธีนี้ได้รับอิทธิพลมาจากพวกชาวน้ำ
ซึ่งมีความเชื่อว่าคลื่นลมเกิดจากการกระทำของเทพเจ้าแห่งทะเล
อย่างไรก็ตามปัจจุบันพิธีนี้ค่อยๆ
สูญหายไปเพราะความเจริญในยุคโลกาภิวัตน์เข้ามาแทนที่
อ้างอิง http://culture.pn.psu.ac.th/culture/index.php?option=com_content&view=article&id[20พฤศจิกายน2556]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น